วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

กินทามะ















กินทามะ (ญี่ปุ่น: 銀魂 Gin Tama งิงทะมะ, "จิตวิญญาณสีเงิน" ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดย ฮิเดอากิ โซราจิ เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ได้รับการจัดพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนมาแล้ว 42 เล่ม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับซากาตะ กินโทกิอดีตซามูไรที่ทำอาชีพรับจ้างอิสระ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพในยุคที่ซามูไรตกต่ำเนื่องจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาว เนื้อเรื่องเป็นการผสมผสานระหว่างแนวย้อนยุคและแนววิทยาศาสตร์ ลักษณะแนวเรื่องเป็นแนวตลกและต่อสู้ 
  

เนื้อเรื่อง

Spebtn gintama.gif

เนื้อเรื่องมีฉากในเมืองเอโดะ (คือโตเกียวในปัจจุบัน เอโดะเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวในปี พ.ศ. 2405) ประเทศญี่ปุ่น ในยุคเอโดะ ยุคที่มนุษย์ต่างดาวที่เรียกกันว่า ชาวสวรรค์ ได้มาตั้งรกรากบนโลกมนุษย์ ชาวสวรรค์ได้ออกคำสั่งริบยศถาบรรดาศักดิ์และยึดดาบของซามูไรไป ทำให้ยุครุ่งเรืองของซามูไรได้จบสิ้นลง ชาวสวรรค์ได้มีอำนาจเหนือเอโดะมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีคนหนึ่งที่ยังยึดมั่นในจิตวิญญาณของซามูไร เขาชื่อ ซากาตะ กินโทกิ เคยเป็นนักรบซามูไรต่อต้านชาวสวรรค์ ปัจจุบันเปิดร้านรับจ้างสารพัด มีผู้ช่วยคือ ชิมูระ ชินปาจิ หนุ่มแว่นที่ทำงานเพื่อเรียนรู้จิตวิญญาณของซามูไร และคางุระ เด็กหญิงชาวสวรรค์เผ่ายาโตะ ทั้งสามทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้านและเลี้ยงชีวิตในยุคมืดของซามูไร
นอกจากเรื่องราวการทำงานรับจ้างต่างๆ กินโทกิและลูกน้องยังได้รู้จักกับกลุ่มตำรวจพิเศษติดอาวุธชินเซ็นงุมิ บางครั้งทั้งสองฝ่ายจะทะเลาะกัน บางครั้งจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรื่องราวของพวกเขายังมีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน เช่น คาซึระ โคทาโร่ นักรบขับไล่ต่างแดนซึ่งเป็นเพื่อนของกินโทกิและเป็นอาชญากรมีประกาศจับ ซารุโทบิ อายาเมะ นินจาสาวสายตาสั้นที่หลงรักกินโทกิ เป็นต้น ส่วนตัวละครตัวร้ายของเรื่องคือทากาสุงิ ชินสุเกะ หัวหน้ากลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดนที่มีชื่อกลุ่มว่ากองทหารอสุรา เขาเป็นนักรบขับไล่ต่างแดนที่มีหัวรุนแรงกว่าคาซึระ และต้องการจะทำลายเอโดะให้ราบคาบ


ตัวละคร


ดูตัวละครทั้งหมดได้ที่ ตัวละครในกินทามะ

ตัวละครส่วนใหญ่ในการ์ตูนกินทามะได้ต้นแบบจากบุคคลในประวัติศาสตร์จริง โดยเฉพาะตัวละครในกลุ่มชินเซ็นงุมิที่ได้ต้นแบบจากกองกำลังชินเซ็นงุมิในประวัติศาสตร์จริง

ร้านรับจ้างสารพัดกินจัง

ตัวละครหลักในการ์ตูนเรื่องกินทามะ เป็นนักรับจ้างสารพัดที่รับจ้างทำทุกอย่าง เพื่อนำเงินค่าจ้างจากการทำงานมาจ่ายค่าเช่าร้าน ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน (และ 1 ตัว) ได้แก่
ซากาตะ กินโทกิ


ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นเจ้าของร้านรับจ้างสารพัด และในอดีตเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดน ซึ่งเป็นซามูไรที่ต่อสู้เพื่อขับไล่ชาวสวรรค์ออกจากเอโดะ แต่เมื่อเพื่อนเกือบทุกคนตายลง ก็ได้รู้ว่าไม่สามารถปกป้องทุกสิ่งได้ เป็นคนหน้าเหมือนปลาตาย (หน้านิ่งและดูไร้อารมณ์) เป็นคนกวนๆและถ้าไม่กินของหวานจะไม่มีเรี่ยวแรง เป็นคู่กัดกับฮิจิคาตะ โทชิโร่ และชินเซ็นงุมิโดยเฉพาะโอคิตะ โซโกะมักจะเรียกเขาว่า "ลูกพี่"
ชิมูระ ชินปาจิ
ลูกชายของเจ้าของโรงฝึกดาบที่ปิดตัวลงเพราะบัญญัติการห้ามใช้ดาบ แล้วต่อมาได้เห็นจิตวิญญาณในตัวกินโทกิ จึงได้มาทำงานเป็นลูกจ้างของกินโทกิ ใส่แว่นจนเป็นจุดเด่น แต่ก็บทไม่เด่นนัก มักจะเป็นคนตบมุข
คางุระ
เด็กหญิงชาวสวรรค์ชนเผ่ายาโตะที่เดินทางมาที่โลกเพื่อหางานทำ แล้วจึงมาเป็นลูกจ้างอีกคนของกินโทกิ ชอบแต่งกายคล้ายคนจีน และมีกำลังมหาศาล ชอบพูดลงท้ายว่า "น่อ" โดนเรียกว่า"ยัยเด็กสาหร่ายดอง"อยู่เรื่อยๆ
ซาดะฮารุ
เป็นสุนัขตัวใหญ่สีขาว ความจริงเป็นอินุงามิ (สุนัขเทพ) เป็นผู้เฝ้าทวารมังกรในเอโดะ แต่เมื่อชาวสวรรค์รุกราน จึงได้นำทวารมังกรมาเป็นพลังงานให้ท่าเรือ ทำให้อินุงามิไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เลยโดนมิโกะผู้เลี้ยงดู (อาเนะ และ โมเนะ) มาทิ้งให้ร้านรับจ้างสารพัดเลี้ยงดู จะคืนร่างจริงก็ต่อเมื่อกินเลือดของแพะ (นมสด) และผลไม้สีแดง (สตอเบอร์รี่)


กองตำรวจติดอาวุธ ชินเซ็นงุมิ

นักรับจ้างสารพัดทั้งสาม บางครั้งต้องมาเกี่ยวข้องกับกลุ่มชินเซ็นงุมิ ซึ่งเป็นกองกำลังตำรวจพิเศษติดอาวุธ มีสมาชิกหลักๆได้แก่
คอนโด้ อิซาโอะ
หัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมิ มีหน้าตาไม่ค่อยดีและมักถูกล้อว่าเป็นกอริลลาเป็นคนที่เห็นแต่ข้อดีของผู้อื่น ชอบโอทาเอะและทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ (โรคจิตชอบติดตาม) เคยเป็นหัวหน้าโรงฝึก
ฮิจิคาตะ โทชิโร่
รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมิ เป็นคนที่ชอบรับประทานมายองเนส (มายองเลอร์) ฉะนั้นถึงหน้าตาดีแต่เมื่อสาวๆเห็นกินมายองเนสเข้าก็คายของเก่าทุกราย (ยกเว้น คุริโกะ ลูกสาวของป๋ามัตสึไดระ , มิตสึบะ พื่สาวของโซโกะ)
โอคิตะ โซโกะ
หัวหน้าหน่วยที่ 1 แห่งกลุ่มและนักดาบอันดับหนึ่งแห่งชินเซ็นงุมิ ภายนอกมีนิสัยคล้ายเด็กๆ แต่แท้จริงแล้วชอบความรุนแรง
ยามาซากิ ซางารุ
หน่วยสอดแนมของทางชินเซ็นงุมิ ชอบเล่นแบดมินตั้น เป็นพวกบทจืดคล้ายๆชินปาจิ ใช้ไม้แบดมินตันเป็นอาวุธแทนดาบ
มัตสึไดระ คาทาคุริโกะ
หัวหน้ากองชินเซ็นงุมิ เป็นคนเก็บคอนโด้มาเลี้ยง ห่วงลูกสาวมาก ใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา แต่ก็เป็นคนที่โหดมากๆ

[แก้]ลักษณะการดำเนินเรื่อง

ลักษณะการดำเนินเรื่องหลักคือการใช้มุกตลกในการดำเนินเรื่อง ต่อมาเมื่อฮิเดอากิเขียนการ์ตูนกินทามะเป็นปีที่สอง เขาเริ่มใส่ความเป็นดรามาลงในการ์ตูนกินทามะ โดยคงความเป็นการ์ตูนตลกไว้ มุกตลกส่วนมากในเรื่องมีลักษณะล้อเลียนวัฒนธรรม ตัวละครหรือล้อเลียนการ์ตูนเรื่องอื่น
เนื้อเรื่องของกินทามะส่วนใหญ่จะจบในตอน แต่ก็มีเนื้อเรื่องบางช่วงจะมีเรื่องราวต่อเนื่องไปหลายตอน ซึ่งมักจะเน้นความเป็นดราม่าและแอ็คชั่น เช่น ภาคการกำเนิดดาบเบนิซากุระ ซึ่งมีความยาวตั้งแต่เล่มที่ 11 ไปจนถึงเกือบครึ่งเล่ม 12 เลยทีเดียว ซึ่งภาคนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์กินทามะเรื่องแรกในชื่อ GINTAMA The Movie: Shinyaku benizakura Hen (ญี่ปุ่น劇場版 銀魂 新訳紅桜篇 เงะคิโจบัง งิงทะมะ ชิงยะคุเบะนิซะคุระเฮ็ง, ภาพยนตร์จอเงิน กินทามะ บทเบนิซากุระ โฉมใหม่ ?) โดยมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมา และยังได้สอดแทรกอดีตของพวกกินโทกิในสมัยเด็กไว้เล็กน้อยด้วย


ประวัติการสร้าง

ฮิเดอากิ โซราจิ นักเขียนการ์ตูนผู้เขียนเรื่องกินทามะ ได้ความคิดเรื่องกินทามะ จากคำแนะนำของบรรณาธิการให้เขียนการ์ตูนเกี่ยวกับชินเซ็นงุมิ เขาจึงมีความคิดที่จะเขียนการ์ตูนแนวผสมผสานระหว่างแนวญี่ปุ่นย้อนยุคกับแนวนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็คือเรื่องกินทามะในเวลาต่อมา


รายชื่อตอน

ชื่อตอนของกินทามะจะมีลักษณะพิเศษคือ มีชื่อตอนทีมีความยาวมาก มีลักษณะคล้าย ๆ สุภาษิต และดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในบางตอน แต่จริง ๆ แล้ว ชื่อตอนมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บางส่วนในตอนนั้น ๆ แต่อาจจะเป็นส่วนที่สั้น ๆ หรือไม่ค่อยมีความสำคัญ


รูปแบบต่าง ๆ

หนังสือการ์ตูน


หนังสือการ์ตูนกินทามะเล่มที่ 1 ตีพิมพ์โดยสำนักพิมม์ชูเอฉะ
การ์ตูนเรื่องกินทามะเริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2546[1] จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนตอนมากกว่า 200 ตอน และตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2547[2] จนถึงปัจจุบัน ออกมาถึงเล่มที่ 41[3] นอกจากนี้ สำนักพิมพ์ชูเอฉะยังลงกินทามะลงตอนแรกในหน้าเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ[4]
ในอเมริกาเหนือ กินทามะได้รับลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์วิซมีเดีย ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ระหว่าง เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2550 และตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่วันที่ 3กรกฎาคม พ.ศ. 2550[5] จนถึงปัจจุบัน ออกมาถึงเล่มที่ 20 [6]
ในประเทศไทย กินทามะได้ลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์รายสัปดาห์ และตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่ พ.ศ. 2548[7] จนถึงปัจจุบัน ออกมาถึงเล่มที่ 37[8]
หนังสือการ์ตูนกินทามะที่ตีพิมพ์แล้วในประเทศไทย 37 เล่ม มีชื่อปกบนแต่ละเล่มดังนี้
  1. คนดีมักเป็นคนผมหยักศกตามธรรมชาติ
  2. ความมานะบากบั่นและความดื้อด้านต่างกันเพียงกระดาษกั้น
  3. มาลองคิดดูแล้ว ชีวิตคนเราหลังจากกลายเป็นคุณลุงเนี่ยมันนานกว่าตอนหนุ่มไม่ใช่เรอะ!! น่ากลั๊ว น่ากลัว
  4. คนเป็นพ่อลูกมักเกลียดอะไรเหมือนๆ กัน
  5. ระวังสายพานให้ดี
  6. มีสิ่งที่ดาบฟาดฟันไม่ได้อยู่
  7. เรื่องไร้สาระเนี่ยจำกันแม่นซะจริง
  8. แฟนของลูกสาวต้องเขกซักโป๊ก
  9. ถ้าริจะเที่ยวคาบาเร่ต์อายุจะต้องถึง 20 ขวบก่อนนะ
  10. แมลงตัวเล็กๆ ก็มีจิตวิญญาณเหมือนกัน
  11. อาทิตย์ยังทอแสง
  12. ถ้าเร่งนักก็วิ่งเข้า
  13. ศัตรูเมื่อวาน วันนี้ก็ยังเป็นศัตรูเหมือนเดิม
  14. เมื่อสี่คนเรียงหน้า จะเกิดเชาว์ปัญญามากมาย
  15. รอยยิ้มคือการตกแต่งใบหน้าที่ดีที่สุดของผู้หญิง
  16. ผู้หญิงที่พูดว่าระหว่างฉันกับงานอันไหนสำคัญกว่ากัน ต้องโดนท่าเยอรมันซูเพล็กซ์
  17. ควรเล่นเกมส์แค่วันละหนึ่งชั่วโมง
  18. เหล่าบุรุษทั้งหลายจงเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ยอมแพ้
  19. นักวางแผนมักตกหลุมพราง
  20. ก่อนหน้าจะเข้าสู่ช่วงหยุด ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
  21. แม้สะโพกจะบิดเบี้ยว แต่ก็จะเดินเป็นเส้นตรง
  22. คนเรามักมีแรงผลักดันอยู่ที่หัวใจเสมอ...
  23. เมื่อถึงที่หมายในการไปเที่ยว มักมีเรื่องให้ทะเลาะกัน
  24. มีบางเรื่องที่แม้นพบกันแล้วก็ไม่อาจจะเข้าใจ...
  25. หนังสือที่ใช้หน้าคู่เยอะๆเนี่ยเหมือนหนังสือการ์ตูนเลยเนอะ
  26. การดื่มเหล้าตอนกลางวันจะได้รสชาติที่แตกต่างไป
  27. สวรรค์ไม่ได้สร้างสรรค์ยอดคน แต่เป็นผู้ประดิษฐ์ทรงผม
  28. ยามเข้าไปในร้านแผงลอยจะพบความกล้าที่แสนบอบบาง
  29. แมงมุมยามราตรีมักไม่น่าอภิรมย์
  30. ความยิ่งใหญ่ของวงหัวนมกับความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ผกผันของซึ่งกันและกัน
  31. การลงคะแนนวัดความนิยมน่ะเรอะ ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
  32. แมวเถื่อนแห่งคาบุกิโจคือเพลงช้าแต่ก็มีจังหวะหนักแน่น...
  33. ไม่ว่าใครก็อยากแข็งแกร่งและงดงามในหนึ่งเดียว
  34. ในเมืองที่ไร้ขื่อแป มักมีแต่พวกเฮฮาไปวันๆ มารวมตัวกัน
  35. เป็นเกียรติที่ได้พบและรู้จัก
  36. อายุขัยไร้กำหนด
  37. เมื่อหมดช่วงหยุดพักฤดูร้อน เราจะมองเห็นทุกคนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง


การนำเสนอเนื้อหาข้ามเรื่อง


หน้าปกนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ฉบับที่ 18/2011 แจ้งการตีพิมพ์การ์ตูนข้ามเรื่อง (Crossover) ชุด "กินทามะ" และ "สเก็ต ดานซ์"
การ์ตูนชุด กินทามะ ได้มีการตีพิมพ์ตอนพิเศษซึ่งมีเนื้อหาข้ามเรื่อง (Crossover) กับการ์ตูนชุด "สเก็ต ดานซ์" ในโชเน็นจัมป์ฉบับที่ 18/2011 ประจำวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554 เพื่อการประชาสัมพันธ์แอนิเมชั่นชุดใหม่ของกินทามะ และแอนิเมชั่นชุดแรกของเรื่องสเก็ต ดานซ์ ซึ่งเริ่มฉายเมื่อต้นเดือนเมษายนปีเดียวกัน โดยการ์ตูนข้ามเรื่องของกินทามะและสเก็ต ดานซ์ แบ่งออกเป็นสองตอน คือ สเก็ต ดานซ์ ตอนที่ 180 "กินทามะ x สเก็ต ดานซ์" (นับลำดับตอนต่อเนื่องกับการ์ตูนในชุดของตัวเอง) และกินทามะตอนพิเศษ "สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ" โดยมีผู้เขียนเรื่องต้นฉบับของแต่ละเรื่อง (เคนตะ ชิโนฮาระ จากเรื่องสเก็ต ดานซ์ และฮิเดอากิ โซราจิ จากเรื่องกินทามะ) รับผิดชอบในเนื้อหาการ์ตูนชุดของตนเอง [9]
เนื้อหาของการ์ตูนข้ามเรื่องชุดนี้เริ่มขึ้นในการ์ตูนชุดสเก็ต ดานซ์ ตอนที่ 180 "กินทามะ x สเก็ต ดานซ์" โดยที่ตัวละครหลักของเรื่องกินทามะ (กินโทกิ, คางุระ, ชินปาจิ) ได้ข้ามมิติด้วยเครื่องย้ายมวลสารมายังห้องของชมรมสเก็ตดานซ์และได้พบกับสามตัวละครเอกของเรื่องดังกล่าว (บอสเซน, ฮิเมโกะ, สวิชต์) และจบลงด้วยเหล่าตัวละครเอกของทั้งสองเรื่องถูกเครื่องย้ายมวลสารดึงมาสู่มิติของเรื่องกินทามะ และต่อด้วยเรื่องกินทามะตอนพิเศษ "สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ" ซึ่งกล่าวถึงการแข่งขันชิงความเป็นสุดยอดร้านรับจ้างสารพัดระหว่างทีมกินทามะกับทีมสเก็ต ดานซ์ โดยใช้ฉากที่คล้ายกับโลกในเรื่อง "วันพีซ x โทริโกะ" ซึ่งเป็นการ์ตูนข้ามเรื่องอีกชุดหนึ่งของโชเน็นจัมป์ ที่ตีพิมพ์ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
อนึ่ง หลังจากได้มีการออกอากาศแอนิเมชั่นของการ์ตูนชุดกินทามะและสเก็ต ดานซ์ได้ 6 เดือน ได้มีการประกาศทำแอนิเมชั่นเนื้อหาข้ามเรื่องของทั้งสองเรื่องเป็นการเฉพาะ โดยมีกำหนดการออกอากาศในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ทั้งนี้จะเริ่มออกอากาศในตอน "สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ" ในวันจันทร์ที่ 26 กันยายน และออกอากาศตอน "กินทามะ x สเก็ต ดานซ์" ในวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน สตูดิโอที่รับผิดชอบการผลิดแอนิเมชั่นชุดนี้คือซันไรส์ ("สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ") และทัตซึโนะโกะ โปรดัคชั่น ("กินทามะ x สเก็ต ดานซ์") ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับผิดชอบแอนิเมชั่นชุดกินทามะและสเก็ต ดานซ์ ตามลำดับ[10]


โอวีเอ

ออริจินอลวิดีโอแอนิเมชัน (โอวีเอ) ของการ์ตูนกินทามะ ผลิตโดยบริษัทซันไรส์ โอวีเอตอนแรก ใช้ชื่อตอนเดียวกับชื่อเรื่อง ได้รับการฉายในงานจัมป์เฟสต้า 2006 โอวีเอตอนที่สองใช้ชื่อว่า "ชิโระยะฉะ โคทัน" (ญี่ปุ่น白夜叉降誕 Shiroyasha Kotan, "กำเนิดปีศาจขาว" ?) ได้รับการฉายในงานจัมป์เฟสต้า 2008 ดีวีดีของโอวีเอทั้งสองตอน ใช้ชื่อว่า Gintama Jump Anime Tour 2008 & 2005 ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทอะนิเพล๊กซ์ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 [11]


ภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์


กินทามะ

ภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์เรื่อง กินทามะ ผลิตโดยบริษัทซันไรส์ 99 ตอนแรกกำกับโดยชินจิ ทากามาสึ ตอนที่ 100 ถึง 105 กำกับร่วมกันโดยชินจิ ทากามาสึและโยอิจิ ฟูจิตะ ตั้งแต่ตอนที่ 106 เป็นต้นไปกำกับโดยโยอิจิ ฟูจิตะ [12] ออกอากาศทางทีวีโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 ถึง วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553
ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทอะนิเพล๊กซ์ได้จำหน่ายดีวีดีภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะตามลำดับเวลาดังนี้
ส่วนในประเทศไทย บริษัททีไอทีเอ ได้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะภาคแรกและภาคสอง [18] และวางจำหน่ายภาพยนตร์กินทามะภาคแรกในรูปแบบวีซีดี 25 แผ่น[19]และ ดีวีดี 12 แผ่น[20] แต่อย่างไรก็ตามในภาค 2 ลิขสิทธิ์เป็นของบริษัทไรท์บิยอนด์ โดยปรับเปลี่ยนทีมพากย์ทั้งหมด
ในปัจจุบัน กินทามะออกอากาศทางโทรทัศน์ในประเทศไทยที่ช่องการ์ตูนคลับแชนแนล เริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน และมีการออกอากาศกินทามะภาค 2 ทางช่องทรู สปาร์ค


โยรินุกิ กินทามะ-ซัง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในภาษาญี่ปุ่นที่ ja:よりぬき銀魂さん
หลังจบแอนิเมชั่นชุดกินทามะ ภาค 4 สถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวได้ออกอากาศภาพยนตร์แอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ชุด "โยรินุกิ กินทามะ-ซัง" (ญี่ปุ่นよりぬき銀魂さん Yorinuki Gintama-san, "รวมตอนที่ดีที่สุดของกินทามะ" ?) ซึ่งเป็นการคัดเลือกตอนเก่าๆ ของแอนิเมชั่นชุดกินทามะจากทั้งสี่ภาคมาออกอากาศซ้ำในระบบโทรทัศน์รายละเอียดสูง (HDTV) โดยชื่อของรายการนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อล้อเลียนการออกอากาศซ้ำของแอนิเมชั่นชุด "ซาซาเอะซัง"[21] แอนิเมชั่นชุดนี้มีจำนวน 51 ตอน ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553 จนถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554
ทั้งนี้ นอกจากการปรับปรุงระบบการออกอากาศจาก 4:3 มาเป็น 16:9 แล้ว ได้มีการเพิ่มเพลงเปิดและเพลงปิดรายการขึ้นใหม่อย่างละ 4 เพลง ดังรายชื่อต่อไปนี้
เพลงเปิดรายการ
  1. "บะคุจิ แดนเซอร์" (ญี่ปุ่นバクチ・ダンサー Bakuchi Dansā, "Bakuchi Dancer" ?) โดย Does (ตอนที่ 1-9)
  2. "คะเซะ โน โงะโทะคุ" (ญี่ปุ่น風のごとく, "Kaze no Gotoku" ?) โดย โจ อิโนะอุเอะ (ตอนที่ 10-26) [22]
  3. "คะโนเซ เกิร์ล" (ญี่ปุ่น可能性ガール Kanōsei Gāru, "Kanōsei Girl" ?) โดย คุริยะมะ จิอะกิ (ตอนที่ 27-39)
  4. "คาโทะเนียโงะ" (ญี่ปุ่นカートニアゴ ?) โดย FILP (ตอนที่ 40-51)
เพลงปิดรายการ
  1. "โบะคุทะจิ โนะ คิเซ็ทซึ" (ญี่ปุ่น僕たちの季節, "Bokutachi no Kisetsu" ?) โดย Does (ตอนที่ 1-9)
  2. "เวฟ" (อังกฤษ"WAVE") โดย Vijandeux (ตอนที่ 10-26)
  3. "อินมายไลฟ์" (อังกฤษ"IN MY LIFE") โดย Azu (ตอนที่ 27-39)
  4. "ซะกุระเนะ" (ญี่ปุ่น桜音, "Sakurane" ?) โดย Piko (ตอนที่ 40-51)


กินทามะ'

ดูบทความหลักที่ รายชื่อตอนของกินทามะ'
ในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการออกอากาศแอนิเมชั่นชุดกินทามะ ภาค 4 โยอิจิ ฟูจิตะ ผู้กำกับแอนิเมชั่นชุดนี้ได้กล่าวว่าแอนิเมชั่นชุดนี้จะออกอากาศต่อเมื่อทีมงานผลิตรายการสามารถรวมรวบวัตถุดิบสำหรับการทำแอนิเมชั่นได้เพียงพอ ส่วนชินจิ ทากามัตสึ ซึ่งเป็นผู้ดูแลรายการ ได้กล่าวย้ำว่า แอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ชุดนี้ยังไม่จบ และจะกลับมาออกอากาศอีกครั้งอย่างแน่นอน[23] ต่อมาสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ได้ประกาศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 ว่า แอนิเมชั่นชุดใหม่ของเรื่องนี้จะกลับมาแพร่ภาพในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554[24]
เมื่อจบการออกอากาศแอนิเมชั่นชุด "โยรินุกิ กินทามะ-ซัง" ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554 แล้ว ในสัปดาห์ถัดมา ซึ่งตรงกับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554 สถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวจึงเริ่มการแพร่ภาพแอนิเมชั่นเรื่องกินทามะชุดใหม่ ภายใต้ชื่อ กินทามะ' (ญี่ปุ่น銀魂’ Gintama' ? มีการเพิ่มเครื่องหมายอะพอสทรอฟีไว้หลังชื่อ) ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นเรื่องกินทามะชุดล่าสุดที่กำลังออกอากาศในขณะนี้[25] ทีมงานในการผลิตยังคงใช้ทีมงานชุดเดียวกันกับใน 4 ภาคก่อนหน้า โดยมีโยอิจิ ฟูจิตะ เป็นผู้กำกับรายการ[26] สำหรับดีวีดีชุดแรกจากแอนิเมชั่นชุดนี้จะเริ่มจัดจัดจำหน่ายในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554[27]

ภาพยนตร์จอเงิน

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 บริษัท วอร์เนอร์บราเธอร์สได้จดทะเบียนโดเมนอินเทอร์เน็ต "Gintama-movie.com" โดยที่ยังไม่ยืนยันว่ากินทามะจะถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ [28]
ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ฉบับที่ 48 ของปี พ.ศ. 2552 ได้ลงข่าวยืนยันว่ากินทามะจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์จอเงิน โดยทิ้งคำโปรยไว้ว่า "Wasshoi Matsuri!!" [29] ซึ่งออกฉายวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553 โดยใช้ชื่อว่าGintama: Shinyaku Benizakura-Hen (ญี่ปุ่น劇場版 銀魂 新訳紅桜篇 เงะคิโจบัง งิงทะมะ ชิงยะคุเบะนิซะกุระเฮ็ง, ภาพยนตร์จอเงิน กินทามะ บทเบนิซากุระ โฉมใหม่ ?) ตัวภาพยนตร์เป็นการดัดแปลงจากเนื้อเรื่องกินทามะในภาคเบนิซากุระ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อคาซึระถูกคนของกองทหารอสุราลอบทำร้าย เหล่านักรับจ้างสารพัดจึงออกสืบหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด [30] [31]
วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554 บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ประกาศเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูน Gintama: Shinyaku Bennisakura-hen บนเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ของบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ [32] และจะออกวางจำหน่ายในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ทั้งในรูปแบบดีวีดีและวีซีดี ในชื่อเรื่องว่า กินทามะ เดอะมูฟวี่ กำเนิดใหม่ดาบเบนิซากุระ
ซีดีซาวน์แทร็ก
ดนตรีประกอบภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ประพันธ์โดย เออิจิ คามางาตะ ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้มีการจำหน่ายซีดีเซาด์แทร็กของภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ประกอบด้วยเซาวน์แทร็กจำนวน 32 เพลง รวมไปถึงเพลงเปิดเพลงแรก และเพลงปิดสองเพลงแรก [33]
ซีดีซาวน์แทร็กลำดับที่ 2 วางจำหน่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ประกอบด้วยซาวน์แทร็กจำนวน 40 เพลง[34] ส่วนซีดีซาวน์แทร็กลำดับที่ 3 ที่เป็นลำดับล่าสุด วางจำหน่ายในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552ประกอบด้วยซาวน์แทร็กจำนวน 28 เพลง[35]


ไลท์โนเวล


ไลท์โนเวลกินทามะเล่มที่ 1
ไลท์โนเวล ที่มีตัวละครเป็นตัวการ์ตูนจาก กินทามะ เรื่องโดยโทโมฮิโตะ โอวากิ ภาพโดยฮิเดอากิ โซราจิ และตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ฉากของเรื่องเป็นโรงเรียน โดยกินโทกิรับบทอาจารย์ โดยใช้ชื่อว่า อาจารย์กินปาจิ และตัวละครอื่น ๆ ส่วนใหญ่รับบทนักเรียนในโรงเรียน และเนื้อเรื่องตีพิมพ์ในนิตยสาร จัมป์สแควร์ ใช้ชื่อเรื่องว่า 3 เน็น Z กุมิ กินปาจิเซ็นเซย์ (ญี่ปุ่น3年Z組銀八先生 3-Nen Z-Gumi GinPachi-sensei, "ปี 3 ห้อง Z อาจารย์กินปาจิ" ?) ไลท์โนเวลเล่มแรกตีพิมพ์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 และตีพิมพ์ถึงเล่มที่ 5 ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554[36][37]

[แก้]วีดิโอเกม

  • เกมเพลย์สเตชัน 2 Gintama: Together with Gin! My Kabuki District Journal (ญี่ปุ่น銀魂 銀さんと一緒!ボクのかぶき町日記 Gintama Gin-san to Issho! Boku no Kabuki-cho Nikki ?) ออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2550
  • เกมวี Gintama: General Store Tube:Tsukkomi-able Cartoon (ญี่ปุ่น銀魂 万事屋ちゅ〜ぶ ツッコマブル動画 Gintama Yorozuya Chūbu Tsukkomaburu Dōga ?) ออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2550 [38][39]
  • เกมนินเทนโดดีเอส Gintama: Silver Ball Quest: Gin's Job-Change to Save the World (ญี่ปุ่น銀魂 銀玉くえすと 銀さんが転職したり世界を救ったり Gintama Gintama Kuesuto Gin-san ga Tenshoku-shitari Sekai o Sukuttari ?) ออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550 [40]
  • เกมนินเทนโดดีเอสของกินทามะยังมีอีก 2 เกม ได้แก่ Gintama Dee-Ess: Odd Jobs Grand Riot! (ญี่ปุ่น銀魂でぃ〜えす・万事屋大騒動! Gintama Dīesu Yorozuya Daisōdō! ?) และ Gintama: Gintoki vs. Hijikata!? The Huge Fight Over Silver Souls in the Kabuki District!! (ญี่ปุ่น銀魂 銀時vs土方!? かぶき町銀玉大争奪戦!! Gintama Gintoki vs Hijikata!? Kabuki-cho Gitama Daisōdatsusen!! ?[41][42]


ไกด์บุ๊ค

ปัจจุบันมีการตีพิมพ์ไกด์บุ๊คกินทามะแล้ว 3 เล่ม สำหรับมังงะ 2 เล่ม และอะนิเมะ 1 เล่ม ไกด์บุ๊คสำหรับมังงะเล่มแรก มีชื่อว่า Gintama Official Character Book - Gin Channel (ญี่ปุ่น銀魂公式キャラクターブック「銀ちゃんねる!」 ?) ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 ในตัวหนังสือประกอบด้วยข้อมูลตัวละคร บทสัมภาษณ์ฮิเดอากิ โซราจิ และสติกเกอร์ตัวละคร [43] ไกด์บุ๊คสำหรับมังงะเล่ม 2 มีชื่อว่า Gintama Official Character Book 2 - Fifth Grade (ญี่ปุ่น銀魂公式キャラクターブック2 「銀魂五年生」 ?) ตีพิมพ์ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นเล่มที่เพิ่มข้อมูลของตัวละครใหม่เพิ่มเติมจากเล่มแรก [44] ไกด์บุ๊คสำหรับอะนิเมะมีชื่อว่า Gintama Official Animation Guide "Gayagaya Box" (ญี่ปุ่น:  オフィシャルアニメーションガイド 銀魂あにめガヤガヤ箱 ?) ตีพิมพ์ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551 เนื่องในโอกาสกินทามะออกอากาศถึงตอนที่ 100 มีข้อมูลเกี่ยกวับนักพาย์ผู้พากย์เป็นตัวละครในกินทามะ[45]


เสียงตอบรับ

ในประเทศญี่ปุ่น การ์ตูนเรื่องกินทามะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ในปี พ.ศ. 2549 [46] หนังสือการ์ตูนกินทามะ 12 เล่มที่ออกวางแผงในปีนั้น ขายได้จำนวนรวมกัน 7,500,000 เล่ม ในปี พ.ศ. 2550 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านเล่ม ติดอันดับการ์ตูนขายดีของนิตยสารโซเน็นจัมป์ในปี พ.ศ. 2550 [47] ในปี พ.ศ. 2551 ยอดจำหน่ายของการ์ตูนกินทามะเป็น 20 ล้านเล่ม[48]
ส่วนในประเทศไทย ในระยะแรก กระแสตอบรับของการ์ตูนกินทามะเป็นไปในทางลบ เนื่องจากผู้อ่านบางกลุ่มอ่านกินทามะไม่เข้าใจ[7] แต่ด้วยการพัฒนาเนื้อหาของผู้แต่งในระยะต่อมา และการแปลเป็นภาษาไทยที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น จึงทำให้กินทามะกลับมามีความนิยมอย่างท่วมท้นในประเทศไทย โดยเฉพาะการประกาศเรื่องและตัวละครชายดีเด่นในปี2010 ผลการโหวตปรากฏว่า การ์ตูนกินทามะได้อันดับที่สองรองจากK-on! และซากาตะ กินโทกิ ได้รับการโหวตให้เป็นตัวละครชายยอดนิยมแห่งปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น